วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 11, 2555

เลือกเพาเวอร์ซัพพลาย ง่ายๆ ได้ประโยชน์








เพาเวอร์ซัพพลาย ที่ในอดีตหลายคนมองว่าอะไรก็ได้ ติดเคสมาก็ทำงานได้เหมือนกัน แต่มาวันนี้เชื่อหรือไม่ว่า หลายคนเลือกที่จะกำเงินมาเพื่อซื้อเพาเวอร์ซัพพลายที่ถูกใจโดยเฉพาะและให้ ความสำคัญทัดเทียมกับอุปกรณ์อื่นๆ  โดยเฉพาะคนที่ประสบกับปัญหามากับตัว ย่อมรู้ดีกว่าใคร
ปัญหาจากเพาเวอร์ซัพพลายมีด้วยกันหลายแบบ ตั้งแต่ตรวจหาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ เกิด Bad Sector, เครื่องแฮงก์ ไปจนถึงบูตไม่ขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่อาการ จึงทำให้หลายคนใส่ใจอุปกรณ์ตัวนี้มากขึ้น แต่ด้วยเพาเวอร์ซัพพลายมีจำหน่ายมากมายหลายรุ่น จะเลือกแบบไหน จึงจะเหมาะกับการใช้งาน ที่สำคัญคือ ต้องเลือกแบบใด จึงจะได้เพาเวอร์ซัพพลายที่ดี คุ้มค่าคุ้มราคา รวมถึงรองรับกับการใช้งานได้เพียงพอกับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่องอีกด้วย

เพาเวอร์ซัพพลายคุณภาพดีของจริง ต้องมีค่า Power Efficiency ระดับ 80 เปอร์เซ็นขึ้นไป ซึ่งในสเปกจะระบุค่านี้มาอย่างแน่นอน ส่วนมาตรฐาน 80+ Certified ซึ่งเป็นมาตรฐานการทดสอบใหม่ที่เพิ่มเข้ามานั้น มีแต่เพาเวอร์ซัพพลายรุ่นใหม่ๆ เท่านั้นได้ผ่านการทดสอบนี้ และการมาตรฐานนี้ก็เน้นไปด้านการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

 

เพาเวอร์ซัพพลายทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟกระแสสลับ 220V AC ที่รับเข้าไปออกมาเป็นแรงดันกระแสตรง DC ช่วง +3.3V, +5V, +5VSB, +12V และ (–12V) เพื่อจ่ายให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งช่วงแรงดันไฟ +12V เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์หลักในเครื่องไม่ว่าจะเป็นซีพียู กราฟิกการ์ด ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์บริโภคกำลังไฟจาก +12V แทบทั้งสิ้น การออกแบบเพาเวอร์ซัพพลายจึงเน้นไปที่วงจรภาคจ่ายไฟ +12V เป็นพิเศษ ส่วนจะเลือกแบบรางเดี่ยวหรือรางคู่ก็แล้วแต่ความเหมาะสม


การระบายความร้อนได้เร็ว เพาเวอร์ฯ จะมีอยู่ 2 แบบหลักคือ คือใช้พัดขนาด 120mm เพียงตัวเดียวติดที่ตรงบริเวณด้านล่างและแบบใช้พัดลมขนาด 80mm ติดด้านหลังเพาเวอร์ฯ ซึ่งแบบนี้จะระบายความร้อนได้ดี เพราะดูดความร้อนออกจากภายในเพาเวอร์ฯ ได้เต็มที่ ขณะแบบที่ติดพัดลมด้านล่างตัวถังนั้น อาจต้องใช้เวลามากกว่าในการดันความร้อน แต่ก็ช่วยเป่าแผงวงจรได้เต็มที่ ซึ่งเพาเวอร์ซัพพลายส่วนใหญ่ก็ใช้แบบดังกล่าวนี้ แต่ถ้ามีทั้งดูดและเป่าออกก็ยิ่งน่าใช้

สุดท้ายคือเรื่องของการออกแบบ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงฟังก์ชัน เช่นการถอดสาย ซึ่งจะช่วยให้จัดระเบียบภายในได้ง่าย การหุ้มสาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือแม้กระทั่งวัสดุที่เป็น ตัวถัง ที่ไม่เกิดรอยขูดขีดได้ง่าย


การติดตั้งก็เพียงเอาเพาเวอร์ตัวเก่าออก จากนั้นค่อยๆ วางเพาเวอร์ตัวใหม่เข้าไป ดูที่รูทั้ง 4 ให้ตรงกับรูด้านหลังของเคส แนะนำว่าให้ใช้มือประคองไว้ข้างหนึ่ง แล้วจึงไขน็อตยึดเข้ากับตัวเคส โดยการไขให้พออยู่ก่อนทั้ง 4 จุด เพื่อให้สามารถขยับไปมาได้เล็กน้อย จากนั้นจึงไขยึดแน่นอีกครั้งหนึ่งภายหลัง


นอกจากนี้เมื่อต่อสายเพาเวอร์เข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ควรจะต้องจัดเก็บสายให้เรียบร้อย เพื่อให้ภายในมีพื้นที่สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ได้ง่ายและระบายความร้อนได้ดี โดยใช้วิธีรวบเก็บและซ่อนสาย ซึ่งอาจจะใช้เวลานานขึ้น แต่ก็ส่งผลดีต่อการใช้งานในระยะยาว
*Power Efficiency เป็นค่าประสิทธิภาพของการแปลงแรงดันไฟสลับ AC ไปเป็นแรงดันไฟตรง DC ของเพาเวอร์ซัพพลายรุ่นนั้นๆ โดยคิดเทียบเป็นเปอร์เซนต์ของแรงดันไฟสลับ AC ที่รับเข้ามา เช่น เพาเวอร์ฯ รับไฟเข้ามา 100W แต่แปลงเป็นแรงดันไฟ DC ได้กำลังไฟเพียง 70W เท่ากับว่าเพาเวอร์ซัพพลายรุ่นนี้มีค่า Power Efficiency เท่ากับ 70% เท่านั้น ฉะนั้นค่านี้ยิ่งสูงก็ยิ่งดี
Tips
1.สามารถดูมาตรฐานและค่าแรงดันไฟได้จากฉลากด้านข้างเพาเวอร์ฯ
2.หากต้องการใช้ฟีเจอร์พิเศษเช่น CrossFire หรือ SLI ก็ควรดู Molex จ่ายไฟให้เพียงพอ
3.ควรจะปิดสวิทช์ที่ตัวเพาเวอร์ทุกครั้งหลังเลิกใช้คอมพิวเตอร์



ที่มา : http://www.commartthailand.com/buyerguide/เลือกเพาเวอร์ซัพพลาย ง่ายๆ ได้ประโยชน์




วันอังคาร, ตุลาคม 23, 2555

ปรับไบออส เพิ่มพลังให้ Core i5

การจะปรับแต่งไบออสให้ได้ผลอย่างรวดเร็วนั้น ต้องอาศัยการปรับบัสและเมมโมรีเป็นส่วนใหญ่ เพราะทั้ง 2 ส่วนนี้ ทำงานสอดคล้องกัน ปรับแต่งง่ายและไม่ส่งผลกระทบต่อระบบมากนัก แม้ว่าจะปรับค่าผิดไปบ้าง
การปรับแต่งไบออสมีผลทำให้เครื่องมีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้น ที่สำคัญเราสามารถทำการปรับแต่งไบออส เพื่อรีดพลังออกอย่างเต็มที่ วิธีการปรับแต่งก็เพียงเปิดเครื่อง แล้วกดปุ่ม F2 ขณะที่กำลังบูต เพื่อเข้าสู่หน้าของไบออสสำหรับการปรับแต่ง แล้วมาที่แท็บเมนู Configuration


1.Performance Tuning เป็นหัวข้อที่นำมาแนะนำในวันนี้ โดยเมนูดังกล่าวเปรียบได้กับเมนู Overclock ที่อยู่บนเมนบอร์ด ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีชื่อเรียกเมนูนี้แตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็มีจุดประสงค์หลักเดียวกันคือ เพื่อการปรับโอเวอร์คล็อก ส่วนจะมีเมนูการปรับแต่งมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีการออกแบบสำหรับโอเวอร์คล็อกในระดับใด แต่สำหรับเมนบอร์ด Intel ที่ใช้ในครั้งนี้ ก็ถือว่ามีความสามารถในการโอเวอร์คล็อกในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว


2.Host Clock Frequency Overdrive : เมนูสำหรับเปิด-ปิดโหมดการปรับสัญญาณนาฬิกา (Core Speed) ของซีพียูเช่น ซีพียูมีความเร็ว 3.6GHz เกิดจากค่า Bus Speed x Multiplier (133MHz x 27) ซึ่งเป็นตามสเปกเดิมของซีพียูจากการผลิต หากเลือกเป็น Automatic  ซีพียูก็จะทำงานที่ความเร็วดังกล่าวนี้อัตโนมัติ แต่ถ้าเลือกเป็น Manual เราก็จะปรับเพิ่มค่า Bus speed เพื่อเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาซีพียูได้เอง ในภาพก็เมนูเพิ่มขึ้นตามมาคือ Host Clock Frequency ซึ่งก็คือค่า Bus speed ของซีพียูนั่นเอง


3.Processor Overdrive  : เมนูปรับแต่งความเร็วซีพียูโดยละเอียด ซึ่งจะเน้นไปที่การเพิ่มไฟเลี้ยงให้กับซีพียู มีผลต่อการปรับแต่งเพิ่มความเร็วเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อซีพียูทำงานที่ความเร็วสูงกว่าปกติก็ย่อมมีความต้องการใช้พลังงานมากกว่าปกติด้วยเช่นกัน


4.Intel Turbo Boost Technology : เปิด-ปิดการทำงานของ Intel Turbo Boost Technology และที่ด้านล่างก็มีบอกในส่วนของค่ากระแสไฟและกำลังไฟสูงสุดที่รับได้เมื่อเปิดใช้ Intel Turbo Boost Technology

5.เป็นการตั้งค่าหน่วยความจำหรือค่าเวลาในกระบวนการอ่าน-เขียนข้อมูลของหน่วยความจำในหนึ่งรอบการทำงาน ยิ่งมีค่าต่ำมากเท่าไหร่ยิ่งดี การปรับแต่งก็เริ่มต้นจากค่าตามสเปกปรับลดลงไป หากใช้ที่ความเร็วเดิมก็อาจจะสามารถปรับค่า CL ลดไปได้ต่ำกว่าสเปกเล็กน้อย แต่ในปัจจุบันจะนิยมใช้ที่ความเร็วสูงขึ้นแต่ปรับรักษาระดับค่า CL ให้คงอยู่ตามสเปกเดิมมากกว่า ซึ่งก็ถือว่าดีมากแล้ว


6.ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการตั้งค่าระบบ Speed fan ซึ่งมีความสำคัญในการจัดการและดูแลซีพียูและการปรับแต่งในส่วนนี้ มีผลอย่างยิ่งต่ออุณหภูมิและลดเสียงรบกวนของพัดลม
CPU FAN Control :  เลือกเปิด-ปิดฟังก์ชันการควบคุมความเร็วรอบของพัดลมซีพียู
System FAN Control :  เลือกเปิด-ปิดฟังก์ชันการควบคุมความเร็วรอบของพัดลมในระบบ
Lowest FAN Speed : ปรับตัวค่าความเร็วรอบของพัดลม
Front/ Rear /Aux FAN Type : เลือกชนิดของพัดลมที่ใช้ว่าเป็นชนิดใด จากสายไฟที่ออกมาจากตัวพัดลม
Tips
1.หากต้องการโอเวอร์คล็อกแบบจริงจัง ต้องให้ความสำคัญในการระบายความร้อน
2.การโอเวอร์คล็อกซีพียู ควร Disable Enhance Intel SpeedStep และ CPU C-State
3.ค่าแรงดันไฟ ค่อนข้างอันตราย ควรใส่ใจในการปรับแต่ง

คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012 ยกทัพสินค้าไอทีรุ่นใหม่กระหน่ำโปรโค้งสุดท้ายปลาย

     เออาร์ไอพี กระหึ่มตลาดไอทีโค้งสุดท้ายของปี สยายปีกกลุ่มสินค้าสู่แท็ปเล็ตและสมาร์ทโฟน จัด  “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012”  ขนขบวนสินค้าไอทีรุ่นใหม่ที่ทุกคนต่างรอคอย มาเปิดตัวและวางจำหน่ายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อาทิ แท็บเล็ตไฮบริด แท็บเล็ตลูกผสมใช้งานเสมือนโน้ตบุ๊กมาพร้อมหน้าจอแบบทัชสกรีน มีให้เลือกมากกว่า 30 รุ่น สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดกว่า 20 รุ่น อาทิ ไอโฟน 5 จากทุกค่ายจำหน่ายในงานกว่า 1,000 เครื่องต่อวัน พบโซนพิเศษที่จัดโชว์เฉพาะสินค้าตระกูลทัช อาทิ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ททีวี โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 18 พฤศจิกายน 2555      เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


     โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยท์ สุขุมวิท เทอมินอล 21  :  17 ตุลาคม 2555        นายปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอทีภายใต้ชื่อ “คอมมาร์ต” กล่าวว่า เออาร์ไอพี ร่วมกับบริษัทคู่ค้าไอทีชั้นนำทั้งในและต่างประเทศจัดงานแสดง และจำหน่ายสินค้าไอที “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012” ภายใต้แนวคิด “Let’s Touch IT : โลดแล่นไปกับเทคโนโลยีที่คุณเป็นเจ้าของได้” งานคอมมาร์ตครั้งนี้จะพิเศษสุด เพราะเป็นเวทีงานแสดงสินค้าที่ขนสินค้ารุ่นใหม่ๆ มาให้สาวกไอทีได้สัมผัสและเป็นเจ้าของก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน5, Samsung Galaxy Note2, HTC One X+, HTC One VX, LG Nexus 4, Nokia Lumia 920, Nokia Lumia 820 (Windows phone 8) และการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของวินโดวส์ 8 ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์พร้อมใช้งานแบบหน้าจอทัชสกรีน ที่มีให้เลือกมากกว่า 30 รุ่น และสินค้าไอทีอื่นๆ อีกมากมาย หวังกระตุ้นยอดขายตลาดไอทีในช่วงปลายปี


     “งานคอมมาร์ต คอมเทค 2012 จะแตกต่างกว่าช่วงต้นปีและกลางปีอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากตลาดไอทีในไตรมาส 3 ชะลอการเปิดตัว ซึ่งก็ส่งผลให้การจัดงานคอมมาร์ต ในครั้งนี้ จะโดดเด่น และลงตัวทั้งเรื่องเวลา และสินค้ารุ่นใหม่ๆ ที่จะมีให้เลือกครบและกระหน่ำโปรโมชันแบบไม่อั้น เนื่องจากผู้ขายสินค้าอยากจะทำตลาดและปิดยอดขายปลายปีให้มากที่สุด และคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าชมงานและซื้อสินค้าไอทีจำนวนมากเหมือนเช่นทุกงานที่ผ่านมา เพราะงานคอมมาร์ตสามารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน หรือกลุ่มธุรกิจ พิเศษสุดงานนี้ได้เพิ่ม Commart app แอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ที่ป้อนข้อมูลผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟน เพียงกดแอปพลิเคชันคอมมาร์ต ก็จะสามารถเช็คราคาสินค้า โปรโมชันสินค้า หรือผังงานทั้งหมดได้ทันที สร้างความสะดวกให้กับผู้เข้าชมงาน”  นายปฐม กล่าว


     นายปฐมกล่าวต่อว่า ในส่วนเทคโนโลยีที่นำมาจัดแสดงในงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012 ครั้งนี้ จะเน้นเทคโนโลยีล่าสุด นอกจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค อัลตร้าบุ๊ก หลากหลายยี่ห้อที่ขนขบวนกันมาพร้อมระบบปฎิบัติ วินโดวส์ 8 พร้อมแอปพลิเคชันใหม่ๆจุใจแล้ว ยังมีสมาร์ททีวีระบบอัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต เช่น Google TV , Apple TV , Windows TV และเทคโนโลยี 3D , กล้องที่เชื่อมต่อกับ  wi-fi  สามารถอัพโหลดภาพได้ทันที และยังมีการจัดกิจกรรมเสวนา Workshop ที่น่าสนใจ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น อาทิ สร้างสีสันลากเส้นสายกับ Samsung Galaxy Note 10.1, โหลดบิทให้ไว ด้วย Wireless Router และเก็บช็อตเด็ด เคล็ดลับมือโปร
สำหรับบริษัทไอทีชั้นนำ และพันธมิตรที่เข้าร่วมสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการจัดงาน  “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012” ครั้งนี้ ประกอบด้วย   บริษัท อินเทล   ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท   โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด, บริษัทเดล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท    โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) , บานาน่าไอที (บริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) และมหาวิทยาลัยศรีปทุม



กูเกิ้ลเปิดตัวแท็บเล็ต 99 ดอลล์ปลายปีนี้

รายงานข่าวล่าสุด กูเกิ้ล (Google) จะเปิดตัว"แท็บเล็ต"รุ่นใหม่ทีมีราคาถูกแค่ 99 เหรียญฯ หรือประมาณ 3,000 บาท ซึ่งจับตลาดคนละกลุ่มกับแท็บเล็ตไฮเอ็นด์อย่าง Nexus 7 ที่กำลังฮอตสุดขีดในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี ในการผลิต"แท็บเล็ต"ราคาประหยัดดังกล่าวจะใช้โพรเซสเซอร์ซิงเกิ้ลคอร์ และไม่ได้ให้เอซุสเป็นผู้ผลิต


แหล่งข่าววงในได้ให้ข้อมูลกับดิจิไทมส์ (Digitimes) เว็บไซต์ในไต้หวันว่า กูเกิ้ลน่าจะเตรียมเปิดตัว "แท็บเล็ต" Nexus รุ่นใหม่ที่มีราคาถูกสุดๆ แค่ 99 เหรียญฯ ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งสำหรับบริษัทที่ร่วมมือกับกูเกิ้ลในการผลิต Nexus แท็บเล็ตราคาถูกนี้จะเป็น Quanta Computer โดยจะใช้โพรเซสเซอร์เป็นแบบ"ซิงเกิ้ลคอร์" และคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม นอกจากแท็บเล็ต Nexus ราคาถูกแล้ว กูเกิ้ลกำลังเตรียมพัฒนาแท็บเล็ตในตระกูลของทางบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่เมื่อวานมีข่าวว่า Apple ประกาศเชิญสื่อเข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลายคนคาดเดากันว่า มันน่าจะเป็น iPad mini หรือไอแพดที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 7.85 นิ้ว ซึ่งถูกออกแบบมา เพื่อชนกับ Nexus 7 ของ Google และ Kindle Fire HD ของ Amazon ในช่วงฤดูชอปปิ้งปลายปีนี้โดยเฉพาะ


iPad Mini ตอกย้ำแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา

รายงานข่าวล่าสุด iPad Mini (ไอแพด มินิ) แก็ดเจ็ตที่คาดว่า จะเปิดตัวในงานแถลงข่าวของแอปเปิ้ล (Apple) ในวันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2012 โดยแหล่งข่าววงในอ้างว่า แอปเปิ้ลจะเปิดตัวไอแพดรุ่นที่ใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งทางบริษัทตั้งใจที่จะให้เป็นแท็บเล็ตสำหรับใช้ในห้องเรียน

แหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนามอ้างว่า เขาทราบแผนการของแอปเปิ้ลเกี่ยวกับงานแถลงข่าวเปิดตัว iPad mini โดยผู้บริหาร Apple จะเน้นย้ำถึงความสามารถในการใช้ไอแพดมินิกับการศึกษา ซึ่งไอแพดขนาดเล็กจะทำให้แอปเปิ้ลสามารถรุกตลาดการศึกษาได้มากกว่าเดิม อันที่จริง iPad ก็ทำให้แอปเปิ้ลกลายเป็นแท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสยอดนิยมของนักเรียนนักศึกษาอยู่แล้ว แต่ด้วยราคา 399 เหรียญฯ หรือประมาณ 12,000 บาทสำหรับ iPad 2 อาจจะยังมีราคาที่สูงไปสักนิดสำหรับตลาดนี้ แต่ด้วย iPad mini ที่มีขนาดเล็กว่า และราคาต่ำกว่าจะทำให้พวกมันเจาะตลาดนักเรียนได้ง่ายขึ้น
รายงานข่าวล่าสุดจากบลูมเบิร์กระบุว่า แอปเปิ้ลมีแผนที่จะโฟกัสตลาดการศึกษาด้วย iPad mini ที่จะเปิดตัวในวันอังคารที่ 23 ต.ค. 2012 ในแคลิฟอรืเนีย นอกจากนี้ทาง Apple จะมีการเปิดตัว iBook 3.0 (ปัจจุบันเวอร์ชัน 2.0 โฟกัสฟังก์ชัน Interactive textbook) ทีมุ่งเน้นการใช้ iPad mini กับตลาดการศึกษาด้วย หากเป็นไปตามข่าว งานนี้ ตลาดพีซีที่หดตัวอยู่แล้วอาจจะโดนเจาะยางอีกครั้ง - -"



iPad Mini ต้นทุน 195 ราคา 299 ดอลล์

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] 23 ตุลาคม 2555 เราก็จะได้ทราบกันแล้ว สิ่งเล็กน้อยที่ Apple ยังอยากจะโชว์คืออะไรกันแน่? แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้สื่อหลายๆ แห่งฟันธงไปแล้วว่า มันคือ iPad Mini ล่าสุดมีรายงานข่าวที่ไปไกลกว่านั้น เมื่อแหล่งข่าวอย่าง KGI Research เปิดเผยต้นทุน และราคาของไอแพดมินิ

จากแหล่งข่าวต่างๆ ที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ iPad Mini ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่ภาพหลุด และกำหนดการหลอกๆ ไปจนถึงสเป็กกับราคาที่ไม่มีข้อมูลใดๆ มาใช้อ้างอิง ล่าสุด KGI Research ได้นำเสนอข้อมูลเกียวกับต้นทุนการผลิต iPad Mini อันจะนำมาซึ่งการประเมินราคาที่คาดว่า น่าจะมีความแม่นยำขึ้น โดยต้นทุนของสเป็กเครื่องจะมาจากการรวบรวมจากแหล่งข่าวตั้งแต่หน้าจอ 7.85 นิ้วไปจนถึงการใช้โพรเซสเซอร์ A5 ในการทำงาน ซึ่งสองส่วนนี้เป็นต้นทุนที่สำคัญของไอแพดมินิ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก KGI Research ได้มีการเผยแพร่ต้นทุนของเครื่องออกมา โดยมองว่า ข้อมูลนี้จะทำให้เราสามารถประเมินราคาคร่าวๆ ของเครื่องได้แม่นยำขึ้น ตลอดจนความแรงในการทำตลาดของแท็บเล็ตรุ่นนี้
เว็บไซต์ Appleinsider ระบุว่า ข้อมูลจากบริษัทวิจัย KGI Research โดยนักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo เผย iPad Mini จะมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 195 - 254 เหรียญฯ (ประมาณ 6,000 - 7,600 บาท) สำหรับไอแพดมินิรุ่น 16GB Wi-Fi ไปจนถึง 64GB LTE โดยตัวเลขนี้มาจากค่าชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต และค่าแรงในการประกอบ ในขณะที่ราคาเริ่มต้นของไอแพดมินิจะอยู่ที่ 299 เหรียญฯ หรือประมาณ 9,000 บาท ดังนั้นกำไรของไอแพดมินิจึงอยู่ที 35% - 58% เลยทีเดียว ทั้งนี้นักวิเคราะห์ระบุว่า ต้นทุนที่สูงทีสุดคือหน้าจอ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 56.5 เหรียญฯ (ประมาณ 1,700 บาท) และด้วยเทคโนโลยีการออกแบบ และการผลิตที่เหนือกว่า คาดว่า iPad Mini จะบางกว่าไอแพดรุ่นปัจจุบันถึง 18% ด้วยตัวเลขของกำไรต่อเครื่องที่น่าประทับใจขนาดนี้ คงต้องดูว่า หากเปิดตัวพรุ่งนี้จริง อีกทั้งยังมีกำหนดการวางตลาด 2 พ.ย. ศกนี้ คู่แข่งอย่าง Nexus 7 ของ Google และ Kindle Fire ของ Amazon คงต้องงัดไม้เด็ดออกมาสู้อย่างแน่นอน


วันศุกร์, กันยายน 28, 2555

AMD ให้บริการ Android app บน Win 8




[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] อีกไม่ถึงเดือน Windows 8 ก็จะได้ฤกษ์เปิดตัวกันแล้ว และถ้าคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip กำลังสนใจที่จะหาซื้อ แท็บเล็ต วินโดวส์ 8 ประเด็นที่หลายคนกังวลก็คือ แล้วมันจะมีแอพฯดีๆ น่าใช้ให้เลือกได้มากพอ หรือไม่? ซึ่งปัจจุบันไมโครซอฟท์ได้ทำการจัดเตรียมแอพฯ ไว้ประมาณ 2,000 รายการ เพื่อต้อนรับโอเอสใหม่ทีมาพร้อมระบบสัมผัสไว้แล้ว

 แต่หากเทียบกับแอพฯ บน iOS และ Android ที่มีมากกว่า 600,000+ รายการ ก็เรียกได้ว่า คนละโลกกันเลย แต่ถ้าคุณต้องการใช้แอพฯ พวกนี้บน Windows 8 บ้างล่ะ? คำตอบก็คือ การใช้ซอฟต์แวร์ของ Bluestack ซึ่งสามารถทำให้คุณเข้าถึงแอพฯ บนแอนดรอยด์ได้ตั้งแต่เกมส์ไปจนถึงแอพฯ ใช้งานต่างๆ โดยไม่ขึ้นอยู่กับว่า ฮาร์ดแวร์ทีใช้ต้องเป็นแท็บเล็ตจาก Intel หรือ AMD อย่างไรก็ตาม ล่าสุด AMD ได้ร่วมมือกับ BlueStacks ในการพัฒนา AMD AppZone Player ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้โหลดแอพฯ บนแอนดรอยด์มากกว่า 500,000+ รายการขึ้นมารันบน Windows 8 ได้อย่างง่ายดาย แถมแอพฯ ที่เหล่านี้ยังได้รับการปรับแต่งการทำงานให้เหมาะกับเทคโนโลยีการประมวลผล กราฟิก GPU และ APUของ AMD อีกด้วย


ไอเดียของ AMD ในครั้งนี้ถือว่าก้าวล้ำกว่า Intel ไปอีกขั้นหนึ่งสำหรับการเข้าสู่ตลาดแท็บเล็ต อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นเรื่องยากเลยสำหรับการใช้แท็บเล็ต Intel เพื่อดาวน์โหล BlueStacks app และติดตั้งมันเข้าไปในเครื่อง ซึ่งก็สามารถโหลดแอนดรอยด์แอพฯ มาเล่นได้เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า แอนดรอย์แอพฯ บน Windows 8 ที่รันผ่าน BlueStacks จะมีลักษณะเป็นอย่างไร? จะเข้าไปอยู่ใน UI ของโอเอสใหม่ของไมโครซอฟท์แบบเนียนๆ หรือเข้าถึงและสั่งรันผ่านเดสก์ทอป ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไป อย่างไรก็ดี การพัฒนา AppZone Player ของ AMD ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้แท็บเล็ตที่ ใช้ชิปของทางบริษัท แม้ความพยายามนี้จะยังมีจุดอ่อนให้เห็นอยู่ค่อนข้าง ชัดเจนก็ตาม

ข้อมูลจาก :  ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

ดึงไฟล์จาก iPad ใส่คอมพ์ โดยไม่ต้องส่งทางเมล์

ดังคำคมที่เขาบอกว่าเจอปัญหาแล้วปัญญาจะมี ซึ่งก็เป็นจริงเพราะจากปัญหานี้เองเลยทำให้ต้องหาทางแก้ และนี่ก็เลยกลายเป็นอีกหนึ่งทิปที่นำมาฝากกันในวันนี้ โดยเทคนิดนี้สามารถส่งไฟล์ได้โดยไม่ต้องมีอินเทอร์เน็ต แถมยังสามารถส่งไฟล์ขนาดใหญ่แค่ไหนก็ได้

1. เริ่มต้นก็เปิดไฟล์พรีเซนเตชันในเครื่อง iPad ผ่านโปรแกรม Keynote จากนั้นก็เลือกส่งไฟล์ไปที่ iTunes
2. จากนั้นก็นำ iPad เสียบต่อเข้ากับคอมพ์ รอจนโปรแกรม iTunes เปิดขึ้นมาเรียบร้อย
3. ใน กรอบทางขวาซึ่งแสดงรายละเอียดที่เก็บข้อมูล ให้คลิกที่ iPad ของเรา (เช่น  iPad-mink) จากนั้นให้เลือกแท็บ Apps ในกรอบเดียวกันให้เลื่อนลงมาด้านล่างจะเจอชื่อแอพฯ เอกสารต่างๆ เช่น Keynote เลือกไฟล์ที่ต้องการ คลิกปุ่ม Save to




ข้อมูลจาก: ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

วันจันทร์, กันยายน 24, 2555

Google Penguin คืออะไร

สำหรับผู้ที่ทำ SEO คงจะรู้จักกับเจ้า "เพนกวิน"  กันแล้วนะครับว่ามันเป็นอัลกอริธึมตัวใหม่ของกูเกิล ที่ทางกูเกิลได้ส่งมาจัดการกับเว็บสแปม เว็บขยะทั้งหลายแหล่  โดยเฉพาะเว็บที่มีการทำสแปมลิงค์ต้องปวดหัวกะเจ้าเพนกวินแน่ๆ  ยิ่งมาเป็นคู่หูกับ "แพนด้า" มันยิ่งน่ากลัวไปกันใหญ่  แต่ถ้าหากเราไม่ได้ทำผิดยังเล่นตามเกมอยู่ก็สบายใจได้ครับ อย่าเพิ่งไปกังวล  แต่ถ้าโดนล่ะก็อันดับร่วงเป็นร้อย  แก้กันยากด้วยแต่ก็พอมีทางแก้อยู่ครับ

มาดูกันว่าเว็บจำพวกไหนเข้าข่ายที่จะโดน เพนกวิน ยิงร่วงไปอยู่อันดับท้ายๆ กันบ้าง

- เว็บที่มีการสแปมลิงค์มากเกินไป คือเว็บที่ทำ SEO โดยการโยนลิงค์เข้าไปจำนวนมาก เพราะว่าแต่ก่อนเว็บไหนมีลิงค์เยอะก็จะอยู่ในอันดับต้นๆ ของ search engine แต่ตอนนี้เว็บพวกนี้เป็นที่จับตามองของ เพนกวิน

- เว็บที่มีการทำ SEO มากเกินไป เว็บที่ทำ Black Hat SEO จงรีบแก้ซะ ก่อนโดนเล่นงาน

 Black Hat SEO คือ
  1. Spam Keyword   คือ การใส่คีย์เวิร์ดซ้ำๆ ในหน้าเพจเพื่อให้โปรแกรม Robot รู้ว่าในหน้าเว็บนั้นพูดถึงเรื่องอะไร ซึ่งทางกูเกิลก็สามารถตรวจจับได้ว่ามีการแสดงคำๆ นั้นในหน้าเพจกี่เปอร์เซ็นต์ หากเกิน 10%  ละก็โดนเล่นงานแน่นอนครับ  แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเพจของเราใส่คีย์เวิร์ดเยอะเกินไปรึเปล่า โปรแกรท Keyword Density Analyzer Tool สามารถช่วยคุณได้ เข้าไปลองใช้งานได้ที่ www.ranks.nl/tools/spider เครื่องมือนี้จะบอกได้เลยว่าเราใส่คีย์เวิร์ดไปเท่าไหร่ สามารถใช้กับคีย์ภาษาไทยด้วย

  2. Hidden Text  คือการใส่คีย์เวิร์ดลงไปในเพจนั้นเป็นจำนวนมาก คล้ายกับข้อแรก แต่จะซ่อนไว้ให้เป็นสีเดียวกับพื้นหลัง ซึ่งผู้เข้าชมเว็บจะมองไม่เห็น จะเห็นแต่โรบอทเท่านั้น แต่ถ้าท่านผู้เข้าชมอยากเห็นละก็ให้ท่านสังเกตบริเวณพื้นหลังที่ว่างๆ ว่ามีส่วนไหนผิดปกติ ให้ท่าน Drag Mouse คลุมบริเวณนั้น หากมีการซ่อนคีย์เวริดก็จะปรากฏตัวอักษรขึ้นมา

  3. Doorway Page  คือ ประตูทางผ่านเข้าหน้าเว็บ คิดว่าหลายท่านคงเคยเจอมาแล้วนะ แบบว่าเวลาเราพิมพ์ Url ของเว็บเข้าไป แต่กลับไปเจอเว็บที่มีคีย์เวิร์ดเต็มไปหมด ก่อนที่จะเจอเว็บไซต์หลักจริงๆ

  4. Cloaking Page  คือ การหลบซ่อน เป็นที่นิยมกันอย่างมากในการทำ Black Hat SEO แต่การทำ Cloaking จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาเว็บไซต์พอสมควร เป็นการทำให้โรบอทที่เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์นั้นไปอีกทางหนึ่ง  กล่าวง่ายๆ คือ จะแยกเพจที่แสดง กับเพจที่โรบอทเข้ามาเก็บข้อมูล ซึ่งเพจที่โรบอทได้รับนั้นเป็นเพจที่ได้มีการจัดทำ Keyword Stuffing ไว้เรียบร้อยแล้ว   ส่วนเพจที่แสดงก็เป็นเพจปกติที่เห็นกันทั่วไป    หากใครที่รู้เรื่องภาษา HTML ก็คงจะเข้าใจ เพราะมันเป็นการใช้ Code คำสั่ง


การลงโทษของเพนกวิน 
   ถ้าร้ายแรงที่สุด เว็บที่ทำ OVER SEO มากๆ โดนปรับอันดับลง 100+ แต่ถ้านิดหน่อย ก็อาจจะลดไปสัก 4-5 หน้า แต่ก็ระบุแน่ชัดไม่ได้นะครับเพราะนี่แค่คาดการณ์  จริงๆ มันอาจจะเลวร้ายกว่านี้ก็เป็นได้  แต่ที่แน่ๆ เลย อันดับของเว็บจะขยับไปมาตลอด และ กูเกิล ก็จะเปลี่ยนหน้าโชว์ทุกครั้ง  รู้แล้วร้อนๆ หนาวๆ กันเลย


มาดูวิธีแก้หากโดนเล่นงาน
*จัดการแก้ตามลำดับเลย

1. ยกเลิกการทำลิงค์เข้าเว็บ
2. เว็บที่ทำ Over SEO ต้องไปตามถอดลิงค์ที่เคยทำไว้  เอาออกให้ได้มากที่สุด แต่ต้องเนียนๆ หน่อยไม่ใช่ตามถอดออกทีเดียวเป็นร้อย อันนี้ก็อาจโดนแบนแบบไม่ได้ผุดได้เกิด  ต้องค่อยๆ ถอดวันละ 10-20 ก็พอ  แล้วบางคนอาจจะงง ว่าจะไปตามถอดลิงค์ที่ไหน ก็ตามเว็บประกาศ เว็บบอร์ดที่คุณได้โพสต์ไว้
3. เพิ่มบทความที่มีคุณภาพ ลงไปในเว็บของคุณ
4. เอาเว็บเข้า Google Webmaster Tools แล้วรอให้ทางกูเกิลเข้าไปเก็บข้อมูล เดี๋ยวหน้า Index เราก็กลับมา
แต่ต้องทำใจร่มๆ ไว้นะครับ  อับดับที่กลับมาอาจไม่เหมือนเดิม สิ่งที่สำคัญคือ หากมีบทความที่มีคุณภาพมากพออันดับต้นๆ คงไต่ขึ้นได้ไม่ยาก...




วันอาทิตย์, กรกฎาคม 29, 2555

การสั่งซื้อสินค้าใน Aliexpress ดีกว่า Taobao อย่างไร ?

การสั่งซื้อสินค้าจากจีนในเว็บ Aliexpress กับ Taobao นั้นผมขอเลือกสั่งใน Aliexpress เพราะเราสามารถที่จะดำเนินการเองหมดเลยทุกอย่าง เข้าชมสินค้า ติดต่อร้านค้า (ภาษาที่ใช้ในการติดต่อ english ) สั่งสินค้าเอง เลือกสีเลือกขนาด และมีระบบการจัดการที่ปลอดภัย ส่วนตัวผมเองผมจ่ายผ่านบัตรเครดิต แต่เขาก็มีช่องทางการชำระหลายทาง เช่นการโอนเงิน บัตรเดบิต บัตรเครดิต วีซ่า มาสเตอร์การ์ด และในการสั่งสินค้านั้นมียอดขั้นต่ำจำนวนเท่าไหร่นั้นเขาจะระบุไว้อย่างชัดเจน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขนส่ง มีทั้งส่งฟรีและต้องเสียค่าขนส่งก็ระบุไว้ชัดเจน ระบบเหมือน Ebay ครับ แต่ อีเบย์ เราจะต้องมีบัญชี Paypal ถึงจะสั่งซื้อได้ เพราะเขารับการชำระผ่าน Paypal เท่านั้น ส่วน Aliexpress เราต้องสมัครสมาชิก (ฟรี) และเลือกชำระได้หลายช่องทาง และปลอดภัยด้วยระบบป้องกัน Aliexpress Buyer Protection

 เมื่อเปรียบเทียบ ระหว่าง Aliexpress กับ Taobao แล้วนั้น เถาเป่า(Taobao) จะมีราคาสินค้าที่ถูกกว่ามาก แต่เขาจำกัดสิทธิ์เฉพาะคนจีนเท่านั้นถึงจะสั่งสินค้าได้ หากต้องการจะสั่งซื้อเราต้องซื้อผ่านคนกลางจากบริษัทรับพรีออเดอร์ เขาจะสั่งสินค้าให้เราผ่านคนจีน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะจะต้องจ่ายค่าดำเนินการสร้างบัญชีในจีน สมัครอีเมล์จีน แลกเปลี่ยนเงินตรา + ค่าขนส่งจีน-จีน + ค่าเช่าโกดัง (ถ้ามี) + ค่าขนส่งจีน-ไทย + ค่าขนส่งไทย-ไทย (บริษัท- ผู้สั่งซื้อ) และเมื่อเกิดข้อผิดพลาดเขาจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น เช่น สั่งสินค้าผิดสี ผิดขนาด ผิดแบบที่เราต้องการ แต่ Aliexpress เราเลือกเอง สั่งสินค้าเอง ค่าขนส่งฟรีและไม่ฟรีแ้ล้วแต่เราจะเลือกเอา ชำระเงินผ่านทางเว็บ รอรับสินค้า ติดตามสินค้าได้เอง คุยกับผู้ขายผ่านการแชททางหน้าเว็บ หากสินค้าไม่ตรงตามที่ระบุเราสามารถระงับการชำระเงินและร้องเรียนได้ ซึ่งผมเองก็ยังไม่เคยได้รับสินค้าที่ไม่ตรงตามที่ระบุ เพราะทางผู้ขายเขาก็ตรวจสอบมาอย่างดี หากเกิดข้อผิดพลาดเขาก็จะไม่ได้รับการชำระเงินเช่นกัน

ขั้นตอนการสั่งซื้อ
1. สั่งซื้อสินค้า
2. ชำระเงินค่าสินค้า + ค่าขนส่ง (ถ้ามี)
3. รอรับสินค้า (ส่งฟรีจะเป็นแบบลงทะเบียน 15-40 วัน , EMS 5-10 วัน นับตั้งแต่วันที่เขา shipping)
4. รับสินค้าแล้วตรวจเช็คสินค้า เมื่อถูกต้องสมบูรณ์ ใช้งานได้ ไม่มีอะไรเสียหาย แล้วก็เข้าไปคอนเฟิร์ม การส่งสินค้า เพื่อให้ทางเว็บจ่ายเงินให้กับผู้ขาย  [ หากสินค้าผิดสเปก/เสียหาย ผมแนะนำให้ติดต่อกับผู้ขายก่อนคุยกับเขาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หากคุยกันไม่รู้เรื่องให้คุณเปิดร้องเรียนโดยคลิกปุ่ม (open disputes)  เพื่อระงับการชำระเงิน และเจรจาตกลงกัน  ]


วันเสาร์, กรกฎาคม 14, 2555

แนะนำ Android 4.1 (Jelly Bean) แพลตฟอร์มตัวอย่างและอื่น ๆ

วันนี้ที่ Google I / O เราได้ประกาศรุ่นล่าสุดของแพลตฟอร์ม Android, Android 4.1 (Jelly Bean) With Jelly Bean, ด้วยเจลลี่บีนที่เราได้ทำสิ่งที่ดีเกี่ยวกับ Android ดียิ่งขึ้นด้วยประสิทธิภาพของระบบดีขึ้นและคุณสมบัติการใช้งานที่เพิ่มขึ้น
 


การปรับปรุงรวมถึง UI นุ่มนวลและตอบสนองมากขึ้นในระบบ, หน้าจอหลักที่ปรับโดยอัตโนมัติเพื่อให้พอดีกับเนื้อหาของคุณแป้นพิมพ์ที่มี ประสิทธิภาพการทำนาย, การแจ้งยิ่งขึ้นและการโต้ตอบมากขึ้นขนาดใหญ่ขนาดน้ำหนักบรรทุกสำหรับการแบ่ง ปันขื่อ Android และอื่น ๆ อีกมากมาย  สำหรับ lowdown สิ่งที่ได้หัวใหม่มากกว่าที่จะ Jelly Bean เน้นแพลตฟอร์ม .

แน่นอน Jelly Bean จะไม่สมบูรณ์โดยไม่ต้องให้บริการสุขภาพของใหม่ APIs สำหรับนักพัฒนา นี่คือบางส่วนของ API ใหม่ที่ Jelly Bean แนะนำดังนี้:
     แจ้งขยาย: Android 4.1 จะนำการปรับปรุงที่สำคัญในการแจ้งเตือนกรอบ AndroidApps ขณะนี้สามารถแสดงผลขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ที่สามารถขยายตัวและทรุดตัวลงกับเหน็บแนม  ขณะนี้ผู้ใช้สามารถดำเนินการได้โดยตรงจากร่มเงาแจ้งเตือนและแจ้งเตือนการสนับสนุนรูปแบบใหม่ของเนื้อหารวมถึงภาพถ่าย
    ขื่อ Android: ใน Android 4.1, Android ขื่อทำให้ง่ายต่อการแบ่งปันภาพวิดีโอหรือ payloads อื่น ๆ โดยใช้ประโยชน์จากบลูทู ธ สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล
    การสนับสนุนข้อความแบบสองทิศทาง: Android 4.1 ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้มากขึ้นผ่านการสนับสนุนสำหรับข้อความแบบสองทิศทางใน TextView และองค์ประกอบ EditText
    โหมดท่าทาง: APIs ใหม่สำหรับการให้บริการการเข้าถึงให้คุณจัดการกับท่าทางและการบริหารจัดการมุ่งเน้นการเข้าถึงได้ ตอนนี้คุณสามารถเข้าไปองค์ประกอบใด ๆ บนหน้าจอโดยใช้ท่าทางอุปกรณ์เสริมที่คุณตั้งชื่อ
    ตัวแปลงสัญญาณสื่อเข้าถึง: ให้เข้าถึงระดับต่ำเพื่อแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ซอฟแวร์และตัวแปลงสัญญาณ
    บริการ Wi-Fi โดยตรงบริการ discoverability: นิ API ให้บริการการค้นพบก่อนที่เกี่ยวข้องให้ปพลิเคชันได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจาก อุปกรณ์ใกล้เคียงที่เกี่ยวกับบริการที่พวกเขาสนับสนุนก่อนที่พวกเขาพยายาม ที่จะเชื่อมต่อ
    การจัดการแบนด์วิดธ์เครือข่าย: นิ API ให้ความสามารถในการตรวจสอบเครือข่ายมิเตอร์ ได้แก่ tethering ไปจุดที่มีสัญญาณมือถือ
สำหรับภาพรวมที่สมบูรณ์ของใหม่ APIs ในเยลลี่บีนโปรดอ่าน ไฮไลท์ของ API เอกสาร Note that t. โปรดทราบว่านี้เป็นตัวอย่างของแพลตฟอร์มเจลลี่บีน . ในขณะที่เราก็ยังคงจบการใช้งาน API เราอยากจะให้นักพัฒนารูปลักษณ์ที่ API ใหม่ที่จะเริ่มต้นการวางแผนการปรับปรุง app . เราจะปล่อยแพลตฟอร์มสุดท้ายในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่คุณควรใช้ในการสร้างและเผยแพร่โปรแกรมประยุกต์สำหรับ Android 4.1

  สำหรับอุปกรณ์ Android ที่มีการเล่น Google เราเปิดตัวต่อไปที่ Google วันนี้ I / O:
    การปรับปรุงแอพพลิเคสมาร์ท: สำหรับ Android 2.3 Gingerbread และอุปกรณ์เพิ่มขึ้นเมื่อมีรุ่นใหม่ของ app ใน Google เล่นเพียงชิ้นส่วนของ app ที่มีการเปลี่ยนแปลงจะถูกดาวน์โหลดไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้  โดยเฉลี่ยการปรับปรุงแอพพลิเคสมาร์ทคือขนาดของเต็ม APK การปรับปรุงที่สาม  ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ของคุณประหยัดแบนด์วิดธ์และแบตเตอรี่และส่วนที่ดีที่สุด  คุณไม่ต้องทำสิ่งที่ นี้ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติสำหรับพลิเคชันทั้งหมดที่ดาวน์โหลดมาจาก Google Play
    การเข้ารหัส App: จาก Jelly Bean และไปข้างหน้าการจ่ายเงินในปพลิเคชัน Google เล่นจะถูกเข้ารหัสด้วยคีย์เฉพาะอุปกรณ์ก่อนที่จะมีการจัดส่งและเก็บไว้ใน เครื่อง เรารู้ว่าคุณทำงานอย่างหนักสร้างปพลิเคชันของคุณWe เราทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องการลงทุนของคุณ
    สำหรับ Android: นี่คือรุ่นถัดไปของ C2DM และไปกลับไป FroyoGetting 
      การเริ่มต้นเป็นเรื่องง่ายและมีทั้งกลุ่มใหม่ APIs กว่า C2DM จะสามารถให้ได้ ถ้าคุณลงทะเบียนสำหรับ GCM คุณจะสามารถดูสถิติและ C2DM GCM ใน Android พัฒนาคอนโซลMost  สิ่งสำคัญที่สุดคือบริการที่เป็นอิสระ

วันเสาร์, พฤษภาคม 19, 2555

Galaxy S III สาวกแห่จอง ทะลุ 9 ล้านเครื่อง




เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Korea Economic Daily ในแดนกิมจิรายงานว่า บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) ประกาศความสำเร็จอีกครั้งด้วยยอดจองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Galaxy S 3 กว่าร้อยประเทศทั่วโลกทะลุ 9 ล้านเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 3 พ.ค. (แค่ 15 วัน) ที่ผ่านมา ในขณะที่ Samsung Galaxy S II ใช้เวลา 9 เดือนในการทำยอด 20 ล้านเครื่อง!!!



อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้ Samsung กลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ทีสุดในตลาดโลก แซงหน้า Apple ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน Android ในไตรมาสแรกมากกว่า 40% เลยทีเดียว ซึ่งจากตัวเลขยอดจอง Galaxy S3 ล่าสุด คงจะยืนยันได้ว่า สมาร์ทโฟนสายพันธู์ Android ในตะกูล Galaxy S เป็นใบเบิกทางที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จขนาดนี้ สำหรับ Samsung Galaxy S 3 ที่เปิดตัวเมื่อต้นเดือนจะเริ่มวางขายในเยอรมันตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. ศกนี้


ก่อนที่จะเริ่มวางตลาดในประเทศอื่นๆ ต่อไป หนังสือพิมพ์เกาหลีลงข่าวความสำเร็จของสมาร์ทโฟนเรือธง Galaxy S3 โดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนามว่า ขณะนี้โรงงานผลิตสมาร์ทโฟนของทางบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในเกาหลีใต้กำลังเดินเครื่องเต็มสูบด้วยกำลังการผลิตสูงถึง 5 ล้านเครื่องต่อเดือน นั่นหมายความว่า สำหรับยอดจองที่อ้างว่ามากกว่า 9 ล้านเครื่อง นั่นหมายถึง ผู้บริโภคกลุ่มนี้อาจจะต้องรอการผลิตอย่างน้อยหนึ่งเดือนถึงจะได้ของ อย่างไรก็ตาม Samsung ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อรายงานข่าวที่ออกมา เพียงแต่แย้มว่า ยอดขายของ S3 จะส่งผลต่อรายได้ในไตรมาสสองอย่างมีนัยสำคัญ



ที่มา : ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

วันพุธ, เมษายน 18, 2555

ลือ!!! iPad mini วางตลาดปีนี้ ต้อนรับ...

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] และแล้วข่าวลือเกี่ยวกับ ไอแพด มินิ (iPad mini) ก็กลับมาหลอนคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip กันอีกจนได้ โดยแหล่งข่าวส่วนใหญ่ก็ยังคงมาจากเว็บไซต์ดังๆ ในประเทศจีนที่มักจะอ้างว่าเป็นข่าววงใน (วงไหน? ก็ไม่รู้ - -") ล่าสุด NetEase เว็บไซต์พอร์ทัลในจีนออกมาให้รายละเอียดในเบื้องต้นว่า iPad mini กำลังอยู่ในระหว่างการผลิต และพร้อมเปิดวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2012

ทั้งนี้ทางเว็บไซต์ NetEase อ้างว่า ทางแอปเปิ้ล (Apple) จะเปิดตัว และวางตลาด iPad mini ในช่วงไตรมาสที 3 ของปีนี้ โดยเหตุผลสำคัญก็คือ เพื่อสกัดดาวรุ่ง และเป็นการต้อนรับน้องใหม่อย่าง "แท็บเล็ต" Windows 8 (เวอร์ชันที่เรียกว่า Windows RT หรือ Windows On ARM) ทั้งนี้สนนราคาของ iPad mini จะยั่วยวนใจผู้ใช้พอสมควร โดยจะอยู่ระหว่าง 249 - 299 เหรียญฯ (ประมาณ 7,500 - 9,000 บาท) นอกจากนี้ ในช่วงแรกของการเปิดตัว ทางแอปเปิ้ลได้ผลิต iPad mini ไว้รองรับความต้องการไว้สูงถึง 6 ล้านเครื่องเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายรายต่างออกมาแสดงความคิดเห็นว่า iPad รุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าปัจจุบันจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างความมหัศจรรย์ให้กับ Apple เนื่องจาก iPad mini จะสามารถเข้าแทนที่ตลาด"แท็บเล็ต" 7 นิ้วได้อย่างง่ายดาย ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ในบทความของ NetEase สองโรงงานที่รับผิดชอบในการผลิต iPad mini ก็คือ Honhai Precision (Foxconn) และ Pegatron ซึ่งรายหลังนี้เป็นโรงงานของบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ที่เชื่อว่า คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip น่าจะรู้จักกันดีนั่นก็คือ Asustek บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์แบรนด์ Asus ที่อีกขาหนึ่งก็กำลังร่วมงานกับ Google ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ "แท็บเล็ต" สายพันธุ์ Android



ที่มา :  ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

ระวัง!!! โทรจันบน Mac ซุกไฟล์ Word

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] Mac OS X ของแอปเปิ้ล (Apple) เพิ่งโดนโจมตีด้วยไวรัส Flashback ไปหมาดๆ (แค่ 700,000+ เครื่องเท่านั้น - -") แถมยังเพิ่งออกแพตช์อุดช่องโหว่ที่พบในการทำงานของ "จาวา" (Java) แถมยังประกาศกฎเหล็กระงับการทำงานของ Java หากผู้ใช้ไม่ได้มีการเรียกใช้งานเกินกว่า 35 วัน คล้อยหลังไม่ทันได้หนึ่งสัปดาห์หลังจากอุดช่องโหว่ โทรจันตัวใหม่ก็ออกมาอาละวาดโจมตี Mac OS X อีกแล้ว แต่คราวนี้มันอาศัยช่องโหว่ที่พบในไฟล์เอกสาร MS Word อุ๊ปส์!!!




Kaspersky บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตระบุว่า พบการโจมตีของโทรจันตัวใหม่บนระบบปฏิบัติการ Mac OS X อีกแล้ว โดยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งจากรายงานข่าวหลายๆ แหล่ง ระบุแค่ว่า SabPub เป็นโทรจันตัวใหม่ที่สามารถแฝงเข้าไปในเครื่องแมคทีรัน Mac OS X แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดถึงที่มาของมัน อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวพบว่า แท้จริงแล้ว พวกมันแฝงมากับไฟล์เอกสารเวิร์ดที่ตรวจพบโทรจันที่อาศัยช่องโหว่ Exploit.MSWord.CVE-2009-0563.a โดยทันทีที่เหยื่อโหลดไฟล์เอกสาร Word อันตราย พวกมันจะทิ้งโทรจันเข้า SabPub ไว้ในเครื่องแมค (นอกจาก SabPub แล้วยังมี MaControl bot อีกด้วย) กล่าวโดยสรุปง่ายๆ ก็คือ โทรจัน SabPub สามารถแฝงอยู่ในไฟล์เอกสาร Word หรือแม้แต่เป็นไฟล์เอกสาร .DOC (ชื่อไฟล์อันตรายนี้คือ 8959.doc) เลยก็ได้ SabPub ก็เหมือนกับโทรจันบนพีซี โดยมันจะแอบขโมยข้อมูลที่อยู่ในเครื่องแมคของเหยื่อส่งไปให้แฮคเกอร์ผู้พัฒนาโทรจันนั่นเอง ทั้งนี้ประเด็นที่คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ควรระวังก็คือ ยังไม่มีบริษัทใดๆ (Apple หรือ Microsoft) เข้ามาจัดการแก้ไข กำจัด หรือจัดทำแพตช์ใดๆ ออกมาทั้งสิ้น ได้แต่หวังว่า บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะรีบจัดการออกแพตช์อุดช่องโหว่ดังกล่าว ก่อนที่มันจะลุกลามไปใหญ่ ในระหว่างนี้ คุณผู้อ่านที่ใช้แมคก็ดูแลตัวเองไปก่อนแล้วกัน โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเปิดไฟล์เอกสาร Word โปรดแน่ใจว่า มาจากผู้ส่งที่เชื่อถือได้ และภาวนาให้ทาง Apple ออกแพตช์มาไวๆ ก็แล้วกัน - -" (หากคุณผู้อ่านไปพบชื่อ Sabpab มันก็คือโทรจันตัวเดียวกันนี้แหละครับ แต่ Sabpab ถูกเรียกโดย Sophos และ Intego ครับ) * SabPub หรือ Sabpab จะทำงานคล้าย Flashback ที่เพิ่งแก้ไขกำจัดกันไป โดยโทรจันตัวใหม่จะไม่ต้องมีการปฏิสัมพันธ์ใดๆ จากผู้ใช้ มันก็สามารถติดเข้าไปได้ เพียงแค่เปิดไฟล์เอกสาร Word ที่มีพวกมันฝังตัวอยู่เท่านั้น ทั้งนี้โทรจันรุ่นใหม่จะยังคงใช้ช่องโหว่จาวาเช่นเดียวกับ Flashback ด้วย พวกมันสามารถเก็บภาพหน้าจอของเครื่องแมคที่ติดไวรัสตัวนี้ เพื่ออัพโหลด และดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ ตลอดจนสั่งให้พวกมันรันคำสั่งที่ต้องการโดยแฮคเกอร์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในอินเทอร์เน็ตได้ น่ากลัวมากๆ ขอบอก


ที่มา :     ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

วันพุธ, มีนาคม 14, 2555

Firefox 11 เพิ่มทูลส์สำรวจหน้าเว็บ 3D

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] และแล้ว Firefox 11 เวอร์ชันสมบูรณ์ก็พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ว แต่ดูเหมือนจะเพิ่มฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้ทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนนักพัฒนาเว็บจะสามารถใช้เครื่องมือที่ให้มุมมอง 3D จากโค้ดที่เขียนอยู่ในขณะนั้นได้ทันที นอกจากนี้ก็จะมีส่วนการทำงานที่เรียกว่า Add-on sync ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ใน Firefox 11

สำหรับ Firefox 11 เวอร์ชันสมบูรณ์สามารถดาวน์โหลดได้แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยในเวอร์ชันนี้ ผู้ใช้จะสามารถซิงค์ add-on เวลาใช้งานบนเดสก์ทอปเครื่องอื่นที่ไม่ใช่ของตนเองได้ (Chrome ของ Google สามารถซิงค์ add-on ได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2010 แล้ว) ผู้ใช้สามารถซิงค์ add-in ได้จากแท็บ Sync ในหน้าต่าง Options ของ Firefox 11 นอกจากการเพิ่ม add-on sync แล้ว Firefox เวอร์ชันล่าสุดยังระบุ add-on ส่วนใหญ่ที่ทำงานเข้ากันได้กับบราวเซอร์ไว้ให้ทราบทันทีอีกด้วย

Firefox 11 ยังมีการเพิ่ม 2 ออปชั่นใหม่เข้าไปในกล่องเครื่องมือ (toolbox) สำหรับนักพัฒนาด้วย โดยเครื่องมีอใหม่อันแรกจะเป็น 3D Page Inspector View หรือ Tilt ซึ่งจะเป็นการใช้ความสามารถของ WebGL ในการแสดงผลลัพธ์จากโค้ดหน้าเว็บของนักพัฒนาด้วยรูปแบบที่เป็น 3D ด้วยเครืองมือนี้นักพัฒนาจะสามารถมองเห็นการเชื่อมโยงระหว่างโค้ด และประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ เมื่อคุณเปิดให้ Tilt ทำงานด้วยการเลือก 3D ใน Page Inspector หน้าเว็บจะแสดงในมุมมอง 3D ที่คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip สามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุมขององค์ประกอบบนหน้าเว็บอย่างทีไม่เคยเห็นมาก่อน


ส่วนเครื่องมืออีกอันหนึ่งใน Firefox 11 ก็ยังเอาใจนักพัฒนาเว็บอีกเช่นเคย นั่นก็คือ CSS Style Editor ที่ให้คุณสามารถแก้ไขโค้ด CSS stylesheet ของหน้าเว็บได้โดยตรงจากในบราวเซอร์เลยทันที ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่่นๆ ใน Firefox 11 สำหรับเวอร์ชันบน PC ก็จะมีการสนับสนุนโปรโตคอล SPDY ของ Google ที่ทำให้สามารถโหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้น (ประหยัดค่าข้อมูลที่โหลดได้มากกว่าอีกด้วย) และการนำเข้า (import) ข้อมูลการใช้งานของคุณ อย่างเช่น บุ๊คมาร์ก คุ้กกี้, hiistory จาก Chrome

แหล่งข่าว : ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

วันเสาร์, มีนาคม 03, 2555

Galaxy Mini (GT-S5570) don't subport DTAC 3G

Galaxy Mini (GT-S5570) นั้นไม่รองรับเครือข่าย 3จี ของ DTAC 3G  เนื่องจากคลื่นความถี่ 3G ของ กาแลคซี่ มินิ ไม่ซัพพอร์ตกัน Galaxy Mini (GT-S5570) รองรับ 900 / 2,100 MHz  แต่ DTAC 3G  ให้บริการคลื่นความถี่ 850 MHz  ทำให้ผู้ใช้ Galaxy Mini (GT-S5570) ไม่สามารถใช้งาน DTAC 3G  ได้ครับ




ซึ่งผมเองก็ใช้โทรศัพท์รุ่นนี้ แต่สามารถใช้ได้แค่ EDGE/ GPRS เท่านั้น  และตามที่ระบุว่าสามารถใช้ได้ในหน้าเว็บของดีแทคนั้น คือ  Galaxy Mini (GT-S5570B)

แพล็ตฟอร์ม

  • โทรศัพท์มือถือ / แพล็ตฟอร์ม / แบนด์ / GSM & EDGE แบนด์ / 850 / 900 / 1,800 / 1,900 MHz แบนด์
  • โทรศัพท์มือถือ / แพล็ตฟอร์ม / แบนด์ / 3G แบนด์ / 900 / 2,100 MHz แบนด์
  • HSDPA 7.2
  • ระบบปฏิบัติการ Android 2.2
  • Android Browser

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 13, 2555

HTC อัพเกรด Android 4.0 สิ้นเดือนหน้า

รายงานข่าวล่าสุดจากแฟนเพจของ HTC บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android ที่หลายคนชื่นชอบ ระบุว่า ทางบริษัทจะอัพเกรดระบบปฏิบัติการเป็น Android 4.0 Ice Cream Sandwich กับอุปกรณ์โมบายหลายๆ รุ่นของบริษัท โดยรอบแรกจะเป็นในช่วงปลายเดือนมีนาคม ศกนี้


แฟนเพจของ HTC ระบุว่า สมาร์ทโฟนในรอบแรก (ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2012) ที่จะได้รับการอัพเกรดได้แก่ HTC Sensation, HTC Sensation 4G และ HTC Sensation XE ส่วน HTC Senstaion XL จะออกตามหลังมาอีกทีหนึ่ง นอกจากนี้ทาง HTC ยังยืนยันอีกด้วยว่า สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ของทางบริษัทจะได้รับการอัพเกรดเป็น Android 4.0 ICS ด้วยเช่นกัน แต่อาจจะต้องรอจนถึงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งได้แก่ HTC Rezound, HTC Vivid, HTC Amaze 4G, HTC EVO 3D, HTC EVO Design 4G, HTC Incredible S, HTC Desire S และ HTC Desire HD
คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ทีมีสามาร์ทโฟนอยู่ในรายชื่อข้างต้น ก็รอรับความสนุกใหม่บน Android 4.0 ได้ภายในปีนี้ จะช้าเร็วก็ขึ้นอยู่กับสมาร์ทโฟนรุ่นที่คุณใช้อยู่ ซึ่งนอกจากจะได้ใช้โอเอสที่ได้รับคำชมแล้ว คุณยังจะมีโอกาสได้ใช้ Chrome for Android บราวเซอร์บนสมาร์ทโฟนที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นทดสอบกันไปเมื่อสองวันก่อนอีกด้วย ส่วนข้างล่างนี้เป็นคลิปวิดีโอของ Easter Eggs ที่พบในบราวเซอร์เวอร์ชันนี้




ข่าวจาก : ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

วันพุธ, มกราคม 18, 2555

รายงานสถานการณ์ภัยคุกคามประจำไตรมาสที่สาม โดยเทรนด์ ไมโคร

บริษัท เทรนด์ ไมโคร สรุปรายงานสถานการณ์ของภัยคุกคามประจำไตรมาสที่สาม ระบุว่ากูเกิลคว้าอันดับหนึ่งแทนที่ไมโครซอฟท์ในฐานะผู้ที่มีช่องโหว่ความปลอดภัยสูงสุด ด้วยจำนวนช่องโหว่ที่ได้รับรายงานทั้งสิ้น 82 รายการ ซึ่งพบในบราวเซอร์ Chrome ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากของกูเกิล ขณะที่ออราเคิลมาเป็นอันดับที่สองด้วยจำนวนช่องโหว่ที่ได้รับรายงาน 63 รายการ ส่วนไมโครซอฟท์หล่นไปอยู่อันดับที่สามด้วยจำนวนช่องโหว่ที่ได้รับรายงานทั้งสิ้น 58 รายการ

นักวิจัยด้านภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ยังพบแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากที่พุ่งเป้าสร้างความเดือดร้อนแบบวงกว้าง (มวลชน) ได้กลายไปเป็นการโจมตีแบบมีเป้าหมาย ซึ่งพุ่งเป้าไปที่องค์กรขนาดใหญ่และสถาบันต่างๆ ของภาครัฐโดยเฉพาะ การทำงานของนักวิจัยเหล่านี้ยังทำให้พบกลุ่มที่โจมตีแบบมีเป้าหมายที่มีชื่อเสียงอย่างมากกลุ่มหนึ่งในช่วงไตรมาสที่สาม ชื่อว่า  LURID Downloader
บริษัท เทรนด์ ไมโคร ได้จัดประเภทของการโจมตีเหล่านี้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อเนื่องขั้นสูง (Advanced Persistent Threat: APT) ซึ่งมีเป้าหมายเป็นบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันต่างๆ ในกว่า 60 ประเทศ รวมถึงรัสเซีย คาซัคสถาน และยูเครน โดยอาชญากรไซเบอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีเหล่านี้ได้ใช้งานมัลแวร์ไปแล้วกว่า 300 รายการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นความลับและสามารถเข้าควบคุมระบบของผู้ใช้ที่ติดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์โดยมีระยะเวลาที่ยาวนานกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าความสำเร็จของ LURID นั้นมาจากการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน และจากการกำหนดโซนภายในตำแหน่งและสถานที่ตามภูมิศาสตร์เฉพาะนี่เองที่ทำให้ LURID สามารถทำอันตรายระบบไปแล้วเป็นจำนวนมากถึง 1,465 ระบบ
การโจมตี กลลวง การละเมิด และช่องโหว่อื่นๆ ที่รู้จักกันดี
  • นักวิจัยด้านภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร พบสายพันธุ์ใหม่ DroidDreamLight ที่มีชุดคำสั่งความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการปลอมตัวเป็นโปรแกรมหรือเครื่องมือตรวจสอบแบตเตอรี่หรือเครื่องมือแสดงรายการงานที่อ้างว่าจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นรายการต่างๆ ที่อนุญาตให้โปรแกรมซึ่งได้รับการติดตั้งไว้สามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่จริงๆ แล้วเป็นสำเนาของมัลแวร์ใหม่สำหรับ Android ที่มีการซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมากในร้านค้าโปรแกรมสัญชาติจีนแห่งหนึ่ง
  • ในช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคม นักวิจัยบริษัท เทรนด์ ไมโคร ได้ระบุเว็บเพจที่ล่อลวงให้ผู้ใช้คลิกลิงก์เพื่อรับคำเชิญฟรีจากการร่วมใช้งาน Google+ ซึ่งเป็นบริการสื่อสังคมออนไลน์ใหม่ล่าสุดจากกูเกิล แต่แทนที่จะเป็นการเชิญเข้าร่วมใช้บริการดังกล่าว สิ่งที่ผู้ใช้ที่ตกเป็นเหยื่อจะได้รับก็คือ “โอกาส” ในการร่วมทำแบบสำรวจที่จะนำพวกเขาตกอยู่ในภาวะเสี่ยงได้
  • ผู้ใช้ LinkedIn ก็ตกเป็นเหยื่อของกลลวงอาชญากรรมออนไลน์เช่นกัน โดยจะมีการล่อลวงให้พวกเขาคลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายที่อ้างว่าจะนำไปชมวิดีโอของ จัสติน บีเบอร์ แต่เมื่อคลิกแล้วก็จะมีการเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายแทน
  • สแปมที่มีชื่อเสียงที่สุดในไตรมาสนี้ได้นำไปสู่การดาวน์โหลดและการปฏิบัติการของโทรจันสองตัวที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร โดยสแปมรายการแรกแอบอ้างว่ามาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติสเปน ขณะที่ สแปมรายการที่สองแอบอ้างว่ามาจากสำนักงานสรรพากรสหรัฐฯ
  • อินเดียและเกาหลีใต้ยังคงเป็นประเทศที่มีการส่งสแปมสูงสุดสามอันดับแรก โดยสหรัฐอเมริกาซึ่งมักจะติดอยู่ในกลุ่มอันดับสูงสุดกลับไม่ได้ติดอันดับอยู่ 10 อันดับแรกของประเทศที่มีการส่งสแปมสูงสุด เนื่องจากมีการจับกุมผู้ดำเนินการสแปมบ็อตแล้วเป็นจำนวนมาก
การรักษาความปลอดภัยที่ประสบผลสำเร็จ
นอกจากการค้นพบ LURID Downloader แล้ว ในไตรมาสที่สามนี้ บริษัท เทรนด์ ไมโคร และทีมงานรักษาความปลอดภัยทั่วโลกทีมอื่นๆ ยังได้สร้างความสำเร็จที่น่าประทับใจดังนี้
  • หลังจากดำเนินการติดตามตรวจสอบเป็นระยะเวลาหลายเดือน นักวิจัยของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ได้เปิดเผยการทำงานของ SpyEye ที่ควบคุมโดยอาชญากรไซเบอร์ที่ใช้ชื่อว่า “Soldier” ซึ่งอาศัยอยู่ในรัสเซียและยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดที่อาศัยอยู่ในฮอลลีวูด มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย การดำเนินการของบ็อตเน็ตชนิดนี้ สร้างความเสียหายไปแล้วกว่า 3.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในระยะเวลาหกเดือน และได้ตั้งเป้าไปที่องค์กรขนาดใหญ่และสถาบันภาครัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งองค์กรต่างๆ ในแคนาดา สหราชอาณาจักร อินเดีย และแม็กซิโก สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ในรายงานการวิจัยของบริษัท เทรนด์ ไมโคร เรื่อง “From Russia to Hollywood: Turning Tables on a SpyEye Cybercrime Ring”
  • นักวิจัยของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ยังสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเครือข่ายร่วม FAKEAV (โปรแกรมป้องกันไวรัสปลอม) ขนาดใหญ่ที่สุดสองเครือข่ายในปัจจุบันไว้ด้วย ได้แก่ BeeCoin และ MoneyBeat โดยรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเครือข่ายร่วม FAKEAV สามารถดูได้ในรายงานการวิจัยเรื่อง “Targeting the Source: FAKEAV Affiliate Networks”

แหล่งข่าว - ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์