ในยุคที่น้ำมันแพงการรู้จักใช้พลังงานอย่างเหมาะสมรู้คุณค่าสิ่งนี้นั้นมีความหมายความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เกิดการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ลดภาวะโลกร้อนที่กำลังเผชิญ ...
จากภาพรวมการใช้พลังงานไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่งและการใช้พลังงานในส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเกษตร การก่อสร้าง ฯลฯ ทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญ ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยที่ผ่านมาได้มีความพยายามลดการใช้พลังงานและคิดค้นพลังงานทดแทนเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทางค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีการปรับปรุงระบบเครื่องยนต์เพื่อใช้พลังงาทางเลือกร่วมพิทักษ์ดูแลโลก ปกป้องสิ่งแวดล้อม
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นอีกความก้าวล้ำของเทคโนโลยีด้านยนตรกรรมทีมีการกล่าวขานมีความเคลื่อนไหวให้ติดตามต่อเนื่อง อย่างที่เพิ่งผ่านไปใน งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2009 ที่ประเทศญี่ปุ่น ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ต่างนำรถยนต์ประเภทแนวคิดและต้นแบบที่ใช้พลังงานทางเลือกในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าออกมาให้ยลโฉม และติดตามนวัตกรรมกันอย่างใกล้ชิด
จากความห่วงใยในสิ่งแวดล้อมและพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อการใช้งานในรถยนต์มายาวนานของ มิตซูบิชิ มอร์เตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในงานเดียวกันนี้ค่าย มิตซูบิชิ ได้อวดโฉมรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไอมีฟ (i-MiEV) ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย พลังงานไฟฟ้า 100 % โดยขณะนี้ได้เริ่มวิ่งโลดแล่นบนท้องถนนในประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมีคอนเซปต์ คาร์พีเอ็กซ์-มีฟ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มาพร้อมด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตที่หลากหลาย
นอกจากนี้รถยนต์ ไอมีฟ ยังได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่น (Car of the Year) ประจำปี 2552-2553 ในด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด โดยพิจารณาคัดเลือกจากรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ล่าสุดทั้งหมดที่เปิดตัวหรือวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาถึงสิ้นเดือนตุลาคมปีนี้
“มลพิษทางสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อนอีกทั้งการลดน้อยลงของน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งนำไปสู่การเผชิญกับภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันในอนาคต ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างจริงจัง” มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมิตชูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มบอกเล่าพร้อมกับให้ความรู้ถึงแนวคิดรถรุ่นดังกล่าวที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอาจเรียกได้ว่าเป็นรถในอุดมคติที่กำลังจะมาถึงและนำมาใช้กันในอนาคตอันใกล้ แนวคิดการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปปอเรชั่นวางไว้ยาวนาน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการขับขี่ที่ประหยัดและประหยัดต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน
จากปัจจุบันการใช้รถยนต์ที่ยังคงพึ่งพลังงานน้ำมันจากฟอสซิลเป็นหลัก แต่จากสถานการณ์โลกร้อนปัญหามลพิษอาจเป็นการส่งสัณญาณอย่างหนึ่ง ในการที่ทำให้เราคงต้องร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมกันเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาจึงมีความพยายามในการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้รถด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง
ดังที่กล่าว รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไอมีฟเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนเต็มรูปแบบ มิได้เป็นพลังงานลูกผสมแบบปลั๊กอินไฮบริดที่เปลี่ยนจากการใช้ระบบขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เป็นระบบหลักมาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ในด้านของต้นทุนราคาของเชื้อเพลิงรถดังกล่าวยังมีความคุ้มค่า มีความประหยัด อีกทั้งในการใช้งานก็มีความสะดวกในหารใช้และมีความเงียบของเครื่องยนต์ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่น และหากมีรถพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ไอเสียก็มีน้อยลงมลพิษทางเสียงก็ลดลงได้ด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากการเปิดตัวให้ยลโฉมพร้อมกับการขับเคลื่อนเป็นค่ายแรกที่ส่งรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบออกมาโลดแล่นบนท้องถนน ในโอกาสเดียวกันค่ายมิตซูบิชิ ได้จัดสัมมนาเกี่ยวกับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมพร้อมให้สัมผัสทำความรู้จักกับเทคโนโลยีไอมีฟอย่างใกล้ชิดขึ้น โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่า มิตซูบิชิ ไอมีฟ (i-MiEV) ถือเป็นยนตรกรรมจากความพยายามมากว่า 40 ปี ในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งนี้บริษัทฯ ได้นำเสนอให้รถไฟฟ้าดังกล่าวเป็นที่สุดของรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นทางออกของปัญหาต่างๆ ที่อุตสาหกรรมยานยนต์เผชิญอยู่ในภาวะปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน และการลดน้อยลงของพลังงานปิโตเลียม โดยรถพลังงานไฟฟ้าคันนี้จะไม่สร้างมลพิษแต่อย่างใด ซึ่งไอมีฟมีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถยนต์ “ไอ” ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเล็กขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 660 ซีซี ติดตั้งระบบแบตเตอรี่มอเตอร์ และส่วนประกอบต่างๆ ของระบบพลังงานไฟฟ้าเข้าไปแทนที่ตำแหน่งเครื่องยนต์และถังน้ำมัน ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนไว้ในส่วนล่างของตัวรถ และการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ขนาดย่อมจึงมีน้ำหนักเบาสามารถวิ่งได้ไกลถึง 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม
จากที่เป็นรถใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน ในการชาร์จจึงสามารถชาร์จไฟได้ทั้งจากตู้ชาร์จแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟในบ้านประเภท 100 วัตต์ และที่ชาร์จไฟบ้านประเภท 200 วัตต์ โดยส่วนของตู้ชาร์จแบตเตอรี่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งตู้ชาร์จแบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ถึง 80% ภายในเวลา 30 นาที ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้าภายในบ้านหากชาร์จด้วยไฟฟ้าขนาด 100 โวลต์ / 15 แอมป์ จะใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมง และหากใช้ไฟฟ้าขนาด 200 โวลต์ / 15 แอมป์ จะใช้เวลาเพียง 7 ชั่วโมง และเนื่องจากเป็นยนตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขณะขับขี่จะไม่สร้างมลพิษ
“ไอมีฟ ยังคงคอนเซปต์เป็นรถยนต์ขนาดเล็กซึ่งได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างในเรื่องแบตเตอรี่ซึ่งมีความเบากว่าแบตเตอรี่ปกติและด้วยเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถชาร์จได้จึงน่าจะมีความเหมาะสมช่วยลดมลพิษ ช่วยประหยัดการใช้น้ำมันได้ ซึ่งในการพัฒนาเทคโนโลยียังคงมีอย่างต่อเนื่อง เป็นความท้าทายที่จะต้องทำให้ดีต่อไปในอนาคตทั้งในเรื่องของต้นทุนแบตเตอรี่ ระยะทางในการขับขี่ ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ฯลฯ”
นอกจากรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นเป้าหมายก่อนหน้านี้ ในส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกของรถยนต์ อย่างเช่น คอนโซล ขอบประตู ฯลฯ ยังเน้นในเรื่อง กรีนพลาสติก ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ โดยกรีนพลาสติกผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ขณะเดียวกันการค้นคว้าผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีต่อไปในอนาคตยังตั้งเป้าลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ลดลง
ด้วยเรื่องโลกร้อนทุกวันนี้ ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นแต่ยากที่จะเลี่ยง จึงได้มีการพัฒนาสิ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อลดการสร้างมลพิษ และนี่ก็เป็นเทคโนโลยีดีๆ ที่ได้อ่านในหน้าหนังสือพิมพ์ และอยากให้ทุกคนได้อ่านด้วย...
จากภาพรวมการใช้พลังงานไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่งและการใช้พลังงานในส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเกษตร การก่อสร้าง ฯลฯ ทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญ ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยที่ผ่านมาได้มีความพยายามลดการใช้พลังงานและคิดค้นพลังงานทดแทนเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทางค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีการปรับปรุงระบบเครื่องยนต์เพื่อใช้พลังงาทางเลือกร่วมพิทักษ์ดูแลโลก ปกป้องสิ่งแวดล้อม
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นอีกความก้าวล้ำของเทคโนโลยีด้านยนตรกรรมทีมีการกล่าวขานมีความเคลื่อนไหวให้ติดตามต่อเนื่อง อย่างที่เพิ่งผ่านไปใน งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2009 ที่ประเทศญี่ปุ่น ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ต่างนำรถยนต์ประเภทแนวคิดและต้นแบบที่ใช้พลังงานทางเลือกในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าออกมาให้ยลโฉม และติดตามนวัตกรรมกันอย่างใกล้ชิด
จากความห่วงใยในสิ่งแวดล้อมและพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อการใช้งานในรถยนต์มายาวนานของ มิตซูบิชิ มอร์เตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในงานเดียวกันนี้ค่าย มิตซูบิชิ ได้อวดโฉมรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไอมีฟ (i-MiEV) ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย พลังงานไฟฟ้า 100 % โดยขณะนี้ได้เริ่มวิ่งโลดแล่นบนท้องถนนในประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมีคอนเซปต์ คาร์พีเอ็กซ์-มีฟ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มาพร้อมด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตที่หลากหลาย
นอกจากนี้รถยนต์ ไอมีฟ ยังได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่น (Car of the Year) ประจำปี 2552-2553 ในด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด โดยพิจารณาคัดเลือกจากรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ล่าสุดทั้งหมดที่เปิดตัวหรือวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาถึงสิ้นเดือนตุลาคมปีนี้
“มลพิษทางสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อนอีกทั้งการลดน้อยลงของน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งนำไปสู่การเผชิญกับภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันในอนาคต ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างจริงจัง” มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมิตชูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มบอกเล่าพร้อมกับให้ความรู้ถึงแนวคิดรถรุ่นดังกล่าวที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอาจเรียกได้ว่าเป็นรถในอุดมคติที่กำลังจะมาถึงและนำมาใช้กันในอนาคตอันใกล้ แนวคิดการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปปอเรชั่นวางไว้ยาวนาน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการขับขี่ที่ประหยัดและประหยัดต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน
จากปัจจุบันการใช้รถยนต์ที่ยังคงพึ่งพลังงานน้ำมันจากฟอสซิลเป็นหลัก แต่จากสถานการณ์โลกร้อนปัญหามลพิษอาจเป็นการส่งสัณญาณอย่างหนึ่ง ในการที่ทำให้เราคงต้องร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมกันเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาจึงมีความพยายามในการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้รถด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง
ดังที่กล่าว รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไอมีฟเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนเต็มรูปแบบ มิได้เป็นพลังงานลูกผสมแบบปลั๊กอินไฮบริดที่เปลี่ยนจากการใช้ระบบขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เป็นระบบหลักมาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ในด้านของต้นทุนราคาของเชื้อเพลิงรถดังกล่าวยังมีความคุ้มค่า มีความประหยัด อีกทั้งในการใช้งานก็มีความสะดวกในหารใช้และมีความเงียบของเครื่องยนต์ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่น และหากมีรถพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ไอเสียก็มีน้อยลงมลพิษทางเสียงก็ลดลงได้ด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากการเปิดตัวให้ยลโฉมพร้อมกับการขับเคลื่อนเป็นค่ายแรกที่ส่งรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบออกมาโลดแล่นบนท้องถนน ในโอกาสเดียวกันค่ายมิตซูบิชิ ได้จัดสัมมนาเกี่ยวกับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมพร้อมให้สัมผัสทำความรู้จักกับเทคโนโลยีไอมีฟอย่างใกล้ชิดขึ้น โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่า มิตซูบิชิ ไอมีฟ (i-MiEV) ถือเป็นยนตรกรรมจากความพยายามมากว่า 40 ปี ในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งนี้บริษัทฯ ได้นำเสนอให้รถไฟฟ้าดังกล่าวเป็นที่สุดของรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นทางออกของปัญหาต่างๆ ที่อุตสาหกรรมยานยนต์เผชิญอยู่ในภาวะปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน และการลดน้อยลงของพลังงานปิโตเลียม โดยรถพลังงานไฟฟ้าคันนี้จะไม่สร้างมลพิษแต่อย่างใด ซึ่งไอมีฟมีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถยนต์ “ไอ” ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเล็กขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 660 ซีซี ติดตั้งระบบแบตเตอรี่มอเตอร์ และส่วนประกอบต่างๆ ของระบบพลังงานไฟฟ้าเข้าไปแทนที่ตำแหน่งเครื่องยนต์และถังน้ำมัน ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนไว้ในส่วนล่างของตัวรถ และการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ขนาดย่อมจึงมีน้ำหนักเบาสามารถวิ่งได้ไกลถึง 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม
จากที่เป็นรถใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน ในการชาร์จจึงสามารถชาร์จไฟได้ทั้งจากตู้ชาร์จแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟในบ้านประเภท 100 วัตต์ และที่ชาร์จไฟบ้านประเภท 200 วัตต์ โดยส่วนของตู้ชาร์จแบตเตอรี่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งตู้ชาร์จแบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ถึง 80% ภายในเวลา 30 นาที ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้าภายในบ้านหากชาร์จด้วยไฟฟ้าขนาด 100 โวลต์ / 15 แอมป์ จะใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมง และหากใช้ไฟฟ้าขนาด 200 โวลต์ / 15 แอมป์ จะใช้เวลาเพียง 7 ชั่วโมง และเนื่องจากเป็นยนตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขณะขับขี่จะไม่สร้างมลพิษ
“ไอมีฟ ยังคงคอนเซปต์เป็นรถยนต์ขนาดเล็กซึ่งได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างในเรื่องแบตเตอรี่ซึ่งมีความเบากว่าแบตเตอรี่ปกติและด้วยเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถชาร์จได้จึงน่าจะมีความเหมาะสมช่วยลดมลพิษ ช่วยประหยัดการใช้น้ำมันได้ ซึ่งในการพัฒนาเทคโนโลยียังคงมีอย่างต่อเนื่อง เป็นความท้าทายที่จะต้องทำให้ดีต่อไปในอนาคตทั้งในเรื่องของต้นทุนแบตเตอรี่ ระยะทางในการขับขี่ ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ฯลฯ”
นอกจากรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นเป้าหมายก่อนหน้านี้ ในส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกของรถยนต์ อย่างเช่น คอนโซล ขอบประตู ฯลฯ ยังเน้นในเรื่อง กรีนพลาสติก ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ โดยกรีนพลาสติกผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ขณะเดียวกันการค้นคว้าผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีต่อไปในอนาคตยังตั้งเป้าลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ลดลง
ด้วยเรื่องโลกร้อนทุกวันนี้ ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นแต่ยากที่จะเลี่ยง จึงได้มีการพัฒนาสิ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อลดการสร้างมลพิษ และนี่ก็เป็นเทคโนโลยีดีๆ ที่ได้อ่านในหน้าหนังสือพิมพ์ และอยากให้ทุกคนได้อ่านด้วย...
ที่มา ... นสพ. เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่มความคิดเห็นของคุณได้ที่นี่ Comment here